Call Me By Your Name (2017)

DOJG3KRVwAASmnb.jpg

          ชอบบรรยากาศของหนัง นักแสดง บท เพลง ทุกๆอย่างเลย ตอนแรกรู้สึกว่ายังไม่สุดเพราะหนังยังไม่ได้เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของ Elio และ Oliver ในอีกหลายปีต่อมา แต่พอคิดอีกที ฉากสุดท้ายที่เอลิโอนั่งร้องไห้หน้าเตาผิงในหนังนั่นแหละ คือจุดขมวดจบประเด็นทั้งหมดในหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุด!

          พอเพลง Visions of Gideon ขึ้นมา “it is a video…” คือฟีลอกหักมากอ่ะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันกลายเป็นแค่วิดีโอไปแล้วเหรอ? จะได้แค่กดย้อนดูมันในความทรงจำโดยที่ทำอะไรอีกไม่ได้แล้วใช่มั้ย? โถๆ เอลิโอ หนังแช่ฉากนี้ไว้พอสมควร ตั้งแต่เริ่มอัดอั้นไปจนถึงตอนน้ำตาแตก แต่สุดท้ายที่เฉียบสุดคือ เอลิโอกลับค่อยๆยิ้ม แล้วก็จบ

          ตรงนี้ขมวดปมการเติบโตภายในเอลิโอได้สุดยอด หลังจากเรื่องทั้งหมด เอลิโอก็เลือกที่จะมีความสุขได้

          “We rip out so much of ourselves to be cured of things faster than we should,” อย่างที่พ่อบอกเอลิโอ “that we go bankrupt by the age of 30.” พอเราโต หัวใจก็ถูกเฉือนออกไปจนเกือบหมด แล้วทำไม เราไม่เลือกอยู่กับความสุขที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วล่ะ

          ก่อนหน้านั้น หนังใช้เอลิโอเป็นตัวเอกเพื่อเล่าเรื่องการเติบโตภายในของเด็กวัยรุ่น ผ่านรักแรกในฤดูร้อนก่อนจะมา (ถูกทำให้เหมือน) อกหักในฤดูหนาว ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดคือการพูดถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์อ่ะ ไม่ใช่แค่เอลิโอกับโอลิเวอร์เท่านั้น แต่ยังชูประเด็นความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวด้วย ซึ่งหนังนำเสนอออกมาได้ดีมาก

เราเป็นเราด้วยความสัมพันธ์ระหว่าง “เรา”: การค้นพบความปรารถนาร่วมกัน  และความสัมพันธ์ไร้อำนาจแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกรุณาปราณีที่เรียกว่า “รัก”

          มันคือ สวรรค์ อย่างที่ในเพลง Mystery of Love บอกว่า ราวกับ “hand of god deliver me…” คือสิ่งงดงามที่ค่อยๆเกิดขึ้นระหว่างเอลิโอและโอลิเวอร์ตลอด 6 สัปดาห์ที่อยู่ด้วยกัน ถ้าอ่านหนังสือจะเข้าใจรายละเอียดมากขึ้นถึงวิธีคิด ความกลัว และความอยากของเอลิโอได้ชัดเจน เป็นสายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากความรู้ ความชอบ บทกวี ประวัติศาสตร์ ศิลปะ ดนตรี มุมมอง ความคิดที่ค่อยๆสอดประสานเข้าด้วยกัน จากภายนอกสู่จิตวิญญาณ ความใคร่ ความโหยหา ความผูกพัน อยู่ดีๆทุกอย่างก็กลืนกัน รวมกัน ทำให้คนสองคนกลายเป็นคนๆเดียวกัน ต่างแต่เพียงชื่อเรียกที่สามารถเรียกแทนกันได้ “call me by your name and I will call you by mine”

          ส่วนหนึ่งของหนังที่ให้น้ำหนักไปที่รักฤดูร้อนของเอลิโอนั้นทำออกมาได้น่าเย้ายวนเอามากๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่าผู้กำกับใส่สัญญะของการแต่งกายเขาไปด้วย คือในช่วงแอบชอบกันนั้นจะไม่ค่อยใส่เสื้อ คือภายนอกเปิดเผยแต่ความรู้สึกภายในไม่สามารถเปิดเผยออกไปได้ แต่พอช่วงหลังๆที่อะไรๆเป็นไปตามธรรมชาติของมันแล้ว รู้สึกจะใส่เสื้อผ้ากัน ไม่ค่อยถอดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

          ในระหว่างช่วงที่ยังไม่เปิดเผยความรู้สึกต่อกัน ทุกกิริยาและการกระทำ ถูกทั้งเอลิโอและโอลิเวอร์ใส่รหัสเอาไว้ ทั้งเพื่อปกปิดไม่ให้รู้ในขณะเดียวกันก็บอกให้รู้เป็นนัย แต่พอเปิดเผยกันแล้ว ก็ทุกกิริยาและการกระทำนั่นแหละยิ่งยืนยันว่าทั้งสองคนลึกซึ้งต่อกันขนาดไหน

          เอลิโอกับโอลิเวอร์อาจพบรักกันที่ “สวรรค์ฤดูร้อน” เมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน แต่หลังจากนั้นพวกเขาต้องกลับมาสู่โลกมนุษย์ ที่ต้องเผชิญกับการลาจาก และเหมือนกับว่าโอลิเวอร์จะถูกทำให้ไกลออกไปด้วย “การแต่งงาน” (ตามกรอบสังคม) ความสัมพันธ์ที่เปี่ยมไปด้วยความกรุณาปราณีนั้นจึงทรมานเอลิโอcall_me_by_your_name_screenplay_embed.jpg

          แต่พ่อแม่ของเอลิโอคือ key person คนสำคัญของเรื่อง เราจะเห็นได้ว่าครอบครัวนี้รักกันบนพื้นฐานของความเข้าใจและไม่ถูกลวงด้วยกรอบจารีตประเพณีหรือมายาคติทางสังคมใดๆที่ยื่งทำให้มนุษย์นั้นห่างไกลความเป็นมนุษย์ออกไปอีก เห็นได้จากฉากต่างๆที่พ่อแม่คอยมองสังเกตเอลิโอและโอลิเวอร์ ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆเมื่อแม่เห็นว่าเอลิโอใส่สร้อยคอ Star of David เพื่อแสดงออกว่าเป็นยิวเหมือนโอลิเวอร์ หรือการเล่านิทานเรื่องการเปิดเผยความรู้สึก จะเห็นว่าพ่อแม่เหมือนรู้และคอยประคับประคองการเติบโตภายในของเอลิโอเป็นลำดับไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเมื่อทุกอย่างจบลง เอลิโอต้องรับมือกับการจากลาเป็นปราการด่านสุดท้ายแถมยังต้องแบกรับความคาดหวังเรื่อง “เพศ” อย่างที่สังคมมีอีก เราก็พบว่าพ่อแม่ก็ยังคอยประคับประคองเอลิโอเสมอ ไม่มีการบังคับกดดันอะไรเพราะเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ อย่างในไดอะล็อกที่ศาสตราจารย์เพิร์ลแมนพ่อของเอลิโอพูดก็คือแก่นสำคัญของหนังเรื่องนี้แหละ

          พอเป็นอย่างนี้มันจึงสวยงามในความกรุณาปราณีระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ทั้งระหว่างเอลิโอโอลิเวอร์ เอลิโอกับพ่อแม่ กับเมอร์เซีย กับรูปแบบของความสัมพันธ์ที่แม้จะสวนทางกับโลกแต่ไม่สวนทางกับความเป็นมนุษย์ที่พึงมีต่อกันได้

 

แม้สวรรค์ฤดูร้อนจะหมดลงไป แต่ความรักที่เกิดขึ้นนั้นยังคงอยู่ อย่างน้อยก็ 20 ปีต่อมาเมื่อทั้งสองได้มาเจอกันอีกในที่ๆทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น

ทั้งคู่ก็ยังคง “จำทุกอย่างได้” ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้เอง

61.jpg